หายไปหลายวัน เพิ่งกลับมาจากวัดหน่ะนะ ตอนแรกไม่คิดว่าจะไป ที่รักว่าจะไปคนเดียว เคลียร์งานเสร็จ แม่บอกว่าอยากไปก็ไปสิ ช่วงนี้ไม่มีแขก ก็เลยได้ไป
ไปที่สุทธจิตต์ได้หนึ่งวัน พระอาจารย์ก็สั่งย้ายไปที่นิโรธาราม เพราะที่สุทธจิตต์น้ำแห้ง ไม่มีน้ำใช้กัน อากาศก็ร้อนมากๆ เราก็เลยพากันอพยพภิกษุณี สามเณรี แม่ชี และพวกเราไปที่จอมทองกัน ได้รถน้องพยนต์มาช่วยเป็นธุระให้ เพราะลำพังรถคันเล็กเราไปกันไม่หมด
พอไปถึงนิโรธาราม พี่แสงจันทร์ก็พาไปไหว้พระอาจารย์ที่กุฏิของท่าน แล้วก็มาช่วยงานฝั่งวิเวกกัน เค้าเอาต้นลำไยลงเกือบหมด สามเณรี แม่ชี และคนมาปฏิบัติธรรมช่วยกันตัดฟืน ขนฟืน พื้นที่ตรงนี้มีเจ้าภาพเค้าจะสร้างเจดีย์ถวาย
ไปช่วงไม่มีค่าย ได้ปฏิบัติเยอะ ได้เห็นได้สัมผัสอะไรเยอะ ได้ช่วยงานศาสนาเยอะ ได้ช่วยพระอาจารย์จัดสวน รดน้ำต้นไม้ ตื่นตีสามครึ่ง กินข้าวแค่มื้อเดียว แต่ไม่เหนื่อยนะ สบายมาก พระอาจารย์ไม่สบาย บาดเจ็บจากรถชนพร้อมๆกับลูกศิษย์ บาดเจ็บกันทั้งหมดหกท่าน ไม่นึกเลยว่า เช้าวันสุดท้ายก่อนจะลาศิล ท่านได้ขึ้นมาให้ธรรมะ และช่วยนำพวกเรานั่งสมาธิกันด้วย เป็นบุญของพวกเราจริงๆ
อ่อ ตอนนี้ที่สุทธจิตต์มีเจ้าภาพเรื่องการเจาะน้ำบาดาลแล้ว บารมีพระอาจารย์เยอะจริงๆนะ สาธุ
เมื่อวานกลับมาก็มาทำสวน เสร็จไปหนึ่งส่วน ตอนกลางคืนก็ฟังวีซีดีพระอาจารย์นำสมาธิ แล้วก็นั่งไปด้วย หลังจากที่เสาะหาแนวทางมานาน ว่าจะนั่งสมาธิแบบไหน แบบไหนถึงจะเรียกว่าได้สมาธิ เราไม่เข้าใจ แค่นั่งแล้วก็กำหนดพุทโธ แล้วก็มักจะง่วง แล้วจิตมันว่างมันไม่มีงานทำมันก็มักจะฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย แต่หลังจากที่พระอาจารย์นำสมาธิ ก็ได้รู้แล้วว่า ที่นี่เค้าใช้หลักอานาปานสติ กลับมาก็เลยคิดว่าจะศึกษาเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจ ได้หนังสือของที่รักมาเล่มนึงของท่านพุทธทาสภิกขุ ชือ อานาปานสติ ตรงความต้องการพอดี
เมื่อเช้าตื่นมาสวดมนต์ ทำวัดเช้า นั่งสมาธิได้หน่อยนึง ลงมารดน้ำต้นไม้ รดหญ้าที่ปลูกไว้เมื่อวาน กินข้าวซึ่งกะว่าจะกินแค่มื้อเดียวเหมือนตอนอยู่วัด แม่ปรึกษาเรื่องเงิน อืมม รายจ่ายของครอบครัวเรามันเยอะกว่ารายได้มากมาย พวกเราอยู่ในสภาพติดลบ ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างอยู่ที่แม่หมด แม่ไม่รู้จะหมุนไปยังไงแล้ว สงสารแม่ รายได้ทางเดียวของพวกเรา ณ ตอนนี้คือรายได้จากโรงแรม แต่รายจ่ายดูจะมีมากกว่าทางเดียว
เอาเถอะ มีปัญหาก็ต้องใช้ปัญญาแก้ วิกฤติที่เกิดอาจจะเป็นโอกาสสำหรับอะไรก็ได้
วันนี้แค่นี้ก่อนนะ