หนาวมาได้สัก3-4วันละ ปีนี้ถือว่าหนาวไวนะ รื้อเสื้อกันหนาวที่เก็บไว้ในกล่องเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อวานขับรถไปธนาคารหน้ามหา'ลัยมาปรากฏว่าเค้าเพิ่งจะลาดยางใหม่ๆ รถเปื้อนหมดเลย กลับมาก็เลยเอาสำลีชุบน้ำมันก๊าชเช็ดตัวถังส่วนที่เปื้อนยางมะตอย แล้วก็ล้างๆ ดีนะที่ไม่ได้เอาเจ้าตัวเล็กออกไป ตกลงว่าวันนั้นน้องข้างบ้านไปดูเครื่องให้ เค้าก็บอกว่าดี ไม่เคยชนข้างหน้า มีเฉี่ยวนิดหน่อยด้านซ้าย ก็โอเค วางเงินมัดจำหกหมื่น ที่เหลืออีกสี่หมื่นเจ็ดจะให้ไม่เกินวันที่แปด เพราะบัญชีฝากประจำของที่รักจะครบรอบวันที่หกนี้แล้ว เฮียแกให้รถมาขับก่อน มีที่ต้องซ่อมสามอย่างคือ ล้างหรือเปลี่ยนไดสตาร์ท เช็คเบรค แล้วก็ไฟหน้าสีส้มข้างซ้ายที่ไม่ติด เฮียแกจะพาไปหาช่างที่ซ่อมรถยี่ห้อนี้ประจำ ก็คงไม่แพงมั้ง (นิ้วไขว้
)
เอาสาระนิดๆหน่อยๆจากที่ฟังมาจากพระอาจารย์มาฝากค่ะ จริงๆแล้วความรู้สึกของคนเราแบ่งได้คร่าวๆ เป็น 2 เป็น 3 หรือ 5 ดังนี้
แบ่ง 2 ได้เป็น ความรู้สึกทางกาย กับความรู้สึกทางใจ
แบ่ง 3 ได้เป็น ความรู้สึกสุข ทุกข์ เฉย (เฉยถือเป็นสุขละเอียด)
แบ่ง 5 ได้เป็น สุขกาย สุขใจ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และ เฉย
จริงๆก็มีแค่นี้แหละ แต่คนเราชอบเอาความคิดมาเป็นความรู้สึก เช่น "ฉันรู้สึกว่าเค้าไม่ได้รักฉันเลย" จริงๆแล้วเป็นความคิดของเราต่างหากหล่ะไม่ใช่ความรู้สึกสักหน่อย ใช่ป่ะ
มีอีกประโยคที่สามารถดับความทุกข์ ความกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรต่างๆนาๆได้ดีก็คือ พระอาจารย์บอกว่า อะไรที่เกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตั้งอยู่โดยไม่ดับไปหรอก ความรัก ความเกลียด ความเสียใจ อะไรทั้งหลายเหล่านี้ มันไม่อยู่กับเรานานหรอก แล้วก็จิตของคนเรารับได้ทีละอารมณ์เท่านั้นหล่ะนะ อารมณ์หนึ่งจะหายไปเมื่อมีอีกอารมณ์มาแทนที่ แต่การเปลี่ยนนั้นไวมากๆ เพราะฉะนั้น การที่เราจะฝึกจิตให้ดีได้ เราต้องคิดดี พูดดี ทำดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี คบแต่คนดีๆ
เมื่อจิตเราอยู่กับสิ่งที่ดี สิ่งชั่วก็จะไม่ค่อยเกิด เพราะจิตรับได้ทีละอารมณ์
อืมม มีอีกอย่างที่นึกได้ก็คือ อยู่ใกล้สิ่งไหน มักเป็นสิ่งนั้น ถ้าเราอยู่ใกล้ใคร ไม่เค้ามาเป็นเหมือนเรา ก็เราเป็นเหมือนเค้า อยู่กับว่าใครจะมีพลังดึงมากกว่ากัน สิ่งดีมักดึงสิ่งดี ในทำนองเดียวกันสิ่งไม่ดีก็จะอยากอยู่กับสิ่งไม่ดี คนเราเองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี คบแต่คนดีๆ
เอาหล่ะ เมื่อพูดถึงการคบคนดี เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนดี ขอยกคำสอนของท่านมหาว.วชิรเมธีมานะคะ ในบางตำราอาจจะมีแบ่งเป็นมิตรแท้และมิตรเทียม แต่ในที่นี้ขอแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
1. ปาปมิตร (ปา-ปะ-มิด) คือเพื่อนชั่ว อ่ะ เราจะรู้ได้ไงว่าคนนี้ชั่วเพราะบางทีคนเราดูข้างนอกไม่ได้เนอะ บางทีเค้าก็พูดดีกับเรามาก สังเกตง่ายๆ คือ คนที่คบแล้วพาเราต่ำลงๆ คนนั้นหล่ะ ปาปมิตร เลี่ยงได้เลี่ยงนะ
2. กัลยาณมิตร คือเพื่อนที่ดี น่าคบ เค้าว่ากันว่าในชีวิตนึงเราต้องหาให้เจอนะคะ
3. พันธมิตร (อันนี้ไม่เกี่ยวกับสีเหลืองสีแดง) พันธมิตร แปลว่ามิตรที่เกี่ยวข้องกันด้วยผลประโยชน์ร่วมกัน
วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะ แหะ ไปทำงานก่อนละ